ชนิดของคอมเพรสเซอร์
เราสามารถแยกชนิดของคอมเพรสเซอร์ได้หลายแบบ
แยกตามวิธีการอัด เช่น
- แบบโรตารี่ (Rotary Compressor)
- แบบลูกสูบ (Reciprocating Compressor)
- แบบสโครล (Scroll Compressor)
แยกตามลักษณะภายนอก เช่น
- แบบปิดสนิท (Hermetic Compressor)
- แบบกึ่งปิดสนิท (Semi Hermetic Compressor)
- แบบเปิด (Open Type)
หลังจากรู้จักหน้าที่ของคอมเพรสเซอร์แล้ว ทีนี้เราจะมาพูดถึงชนิดของคอมเพรสเซอร์ โดยแบ่งตามวิธีการอัดแก๊สหรือน้ำยา โดยทั่วไปเครื่องปรับอากาศภายในบ้านหรือที่พักอาศัยมักนิยมใช้คอมเพรสเซอร์ 3 รูปแบบนี้ ได้แก่ แบบโรตารี่ แบบลูกสูบ และแบบสโกรล เนื่องจากเป็นที่นิยม ราคาไม่แพง ระบบไม่ซับซ้อนมาก ช่างแอร์ทั่วไปสามารถเข้าใจวงจระบบไฟฟ้าและการต่อสายไฟได้ไม่ยาก
คอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่ (Rotary Compressor)
คอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่จะดูดและอัดน้ำยาในสถานะแก๊ส โดยอาศัยการกวาดตัวตามแกนโรเตอร์ (rotor) เนื่องจากคอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่นี้มีขีดจำกัดในการทำงาน คือจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง และกินไฟน้อย จะต้องใช้กับเครื่องปรับอากาศขนาดความเย็นไม่เกิน 1-3 ตัน แต่ถ้าขนาดความเย็นใหญ่กว่านี้แล้วก็จะทำงานไม่สู้ดีนัก
คอมเพรสเซอร์แบบนี้คนไทยเรารู้จักกันดียี่ห้อนึงคือ คอมมิตซูบิชิ หรือเรียกกันสั้นๆว่า คอมมิตซู ผลิตโดยบริษัท สยามคอมเพรสเซอร์ อุตสาหกรรม จำกัด หรือ Siam Compressor Industry (SCI) นอกจากนี้ยังมีคอมเพรสเซอร์ยี่ห้ออื่นๆ ด้วยอย่างเช่น คอมแอลจี LG , คอมไดกิ้น DAIKIN เป็นต้น
เนื่องจากคอมเพรสเซอร์ชนิดนี้ ผู้ผลิตนำมาใส่ในเครื่องปรับอากาศยุคแรกๆ พอๆกับคอมแบบลูกสูบ จึงทำให้เป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะที่ใช้กับน้ำยา R-22 ก็ยังเป็นสัดส่วนที่ใช้กันอย่างมากที่สุด เนื่องจากช่างแอร์เปลี่ยนง่าย ราคาไม่แพง เป็นคอมที่ประหยัดไฟที่สุดเมื่อเทียบกับรูปแบบอื่นๆ หากช่างแอร์ที่เริ่มจะฝึกงานล้างแอร์ซ่อมแอร์ใหม่ๆ ต้องผ่านการเชื่อม ทดสอบการเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์กับคอมตัวนี้มาก่อนทั้งนั้น ถ้าทำได้สำเร็จก็จะถือว่าออกภาคสนามได้
คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ (Reciprocating Compressor)
คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบนี้จะมีหลักการทำงานคล้ายๆ กับระบบลูกสูบในรถยนต์ เป็นระบบอัดแบบชักขึ้นชักลง โดยแต่ละกระบอกสูบจะประกอบด้วยชุดของลิ้นทางดูดและทางอัด ซึ่งอยู่ติดกับวาวล์วเพลต (valve plate) ขณะที่ลูกสูบนึงเคลื่อนที่ลงในจังหวัดดูด อีกลูกสูบนึงจะเคลื่อนที่ในจังหวะอัดด้วยเช่นกัน ขณะที่่ลูกสูบเคลื่อนที่ลง (หรือจังหวะดูด) แรงดันของน้ำยาในกระบอกสูบจะลดลงอย่างมาก ลิ้นทางด้านอัดจะถูกปิดโดยแรงอัดของน้ำยาที่อยู่ทางด้านความดันสูง และลิ้นทางด้านดูดจะถูกเปิด ดูดเอาน้ำยาจากทางด้านความดันต่ำผ่านเข้ามาในกระบอกสูบ ขณะที่ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้น (หรือจังหวะอัด) แรงดันของน้ำยาในกระบอกสูบจะถูกอัดตัวสูงขึ้น ลิ้นทางด้านดูดจะถูกปิดตัวด้วยแรงอัดที่สูงขึ้นภายในกระบอกสูบนี้ และลิ้นทางอัดจะเปิดอัดน้ำยาส่งออกไปทางด้านความดันสูงของระบบ
ในยุคแรกๆ คอมเพรสเซอร์ชนิดนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากมีความทนทานสูง ให้กำลังอัดและความเย็นที่ดี สามารถใช้ได้ตั้งแต่บีทียูน้อยๆ อย่างเช่นตู้เย็น ไปจนถึงแอร์ขนาดหลายสิบตัน ซึ่งคอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่ไม่สามารถทำความเย็นขนาดนั้นได้ อีกทั้งยังสามาถซ่อมแซมได้ โดยการผ่าออกเพื่อเปลี่ยนหรือพันขดลวดทองแดงใหม่ โดยช่างที่มีความรู้ด้านไฟฟ้าและมอเตอร์สามารถนำมาซ่อมกลับมาใช้ใหม่ได้เป็นอย่างดี แต่บางครั้งก็มีร้านซ่อมคอมมักง่ายแค่นำคอมไปถ่ายน้ำมันคอมออก เปลี่ยนหัวหลักคอม แล้วพ่นสีใหม่ไปหลอกขายลูกค้าว่าเป็นคอมใหม่ ทำให้เป็นที่มาของคำว่า "คอมบิ้ว" ซึ่งเป็นคอมมือสองแต่หลอกว่าเป็นมือหนึ่ง โดยอาศัยความทนทานของระบบลูกสูบมาหลอกให้ลูกค้าใช้งานได้ต่อไป แตกต่างจากช่างแอร์ดีๆ หรือร้านซ่อมคอมดีๆ ซึ่งจะบอกลูกค้าไปเลยว่าเป็นคอมมือสอง ผ่านการซ่อมหรือไม่ซ่อมอย่างไรไปบ้าง ซึ่งร้านซ่อมคอมดีๆเก่งๆ จะผ่าคอมแล้วเปลี่ยนขดลวดทองแดงใหม่ เติมน้ำมันคอมใหม่ (ใช้ของเดิมเพียงแค่ระบบสปริงและก้านสูบคันชักข้างใน) เสร็จแล้วนำออกมาขายเป็นคอมมือสองคุณภาพมือหนึ่ง ลูกค้าสามารถซื้อมาใช้ได้อย่างสบายใจเพราะแทบไม่ต่างจากคอมใหม่ ร้านในกรุงเทพฯหลายร้านมีฝีมือเก่งๆครับ ที่ผมรู้จักก็เช่นแถวบรรทัดทอง (หลังมาบุญครอง) แถวเกษตร-นวมินทร์ เลียบด่วน เป็นต้น
คอมลูกสูบมีดีตรงที่โครงสร้างแข็งแรงทนทาน อุปกรณ์ภายในแทบไม่สึกหรอ ยกเว้นพวกขดลวดทองแดงที่ช็อตไหม้ตามอายุการใช้งาน สามารถซ่อมแซมได้ แตกต่างจากคอมโรตารี่ที่แทบไม่มีใครรับซ่อม (ซื้อใหม่คุ้มกว่า) แต่ก็อาจมีข้อเสียบ้างคือเสียงดัง และกินไฟมากกว่าระบบอื่นๆ ครับ คอมลูกสูบที่ดังๆ ก็อย่างเช่นยี่ห้อ Bristol (บริสตอล) , Tecumseh (เทคัมเช่) เป็นต้น
คอมเพรสเซอร์แบบสโกรล (Scroll Compressor)
เป็นคอมเพรสเซอร์ที่ได้รับการคิดค้นขึ้นมาใหม่โดยการนำเอาข้อดีของคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบและโรตารี่มารวมกัน ทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงกว่า 2 แบบแรก การใช้งานคอมเพรสเซอร์แบบสโกรล จะอาศัยความเร็วในการหมุนใบพัดเพื่อทำให้เกิดแรงดันภายในเรือนคอมเพรสเซอร์ ความเร็วที่ปลายใบพัดอาจสูงถึง 850 ฟุต/วินาทีและความเร็วรอบต่ำสุดที่จะสามารถทำงานได้ประมาณ 3450 รอบ/นาที โดยหลักการทำงานจะโดยใช้ใบพัด 2 ชุด (เคลื่อนที่และอยู่กับที่) ขับเคลื่อนโดยการให้เพลาลูกเบี้ยวรูปหน้าตัดเป็นวงกลม บนลูกเบี้ยวจะเจาะเป็นช่องๆเพื่อให้ใบพัดสวมอยู่ได้ ลูกเบี้ยวและใบพัดติดตั้งอยู่ในเรือนคอมเพรสเซอร์ ซึ่งผิวด้านในเป็นวงกลม แต่ตำแหน่งจุดศูนย์กลางของลูกเบี้ยวและเรือนคอมเพรสเซอร์อยู่เยื้องศูนย์กัน โดยระยะที่แคบที่สุดจะเป็นระยะผิวนอกของลูกเบี้ยวสัมผัสผิวภายในเรือนคอมเพรสเซอร์พอดี ทำให้ประสิทธิภาพในการดูดอัดและส่งสารทำความเย็นทำได้ดี และทำงานเงียบกว่าชนิดลูกสูบ
คอมเพรสเซอร์แบบสโกรลขนาด 1 ถึง 60 แรงม้าเหมาะสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ เช่น ระบบปรับอากาศสำหรับอาคารธุรกิจและที่พักอาศัย ระบบทำความเย็นสำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรม และการขนส่งด้วยห้องเย็น ด้วยประสิทธิภาพในการทำความเย็นเหมือนคอมลูกสูบ แต่ประหยัดไฟกว่า ทำให้คอมรูปแบบนี้กำลังเป็นที่นิยมและมักนำมาใช้กับแอร์ขนาด 3 ตันขึ้นไป ทั้งไฟ 220V. และ 380V. โดยขณะสตาร์ทจะมีการกระชากไฟปานกลางและเสียงดังพอสมควร แต่พอทำงานซักพักเสียงจะเงียบลงเกือบจะเท่าแบบโรตารี่ คอมสโกรล หรือที่บางคนเรียกคอมสกรอล ยี่ห้อที่นิยมในบ้านเราได้แก่ Copeland และนอกจากนี้บริษัท SCI ยังได้ผลิตคอมชนิดนี้ขึ้นมาเพื่อแข่งขันกันในตลาดอีกด้วย
ฮิต: 96492